Monday, March 31, 2014

Q&A กับ Dr.เช้าตรู่ : หลังจากแท้งต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะมีเพศสัมพันธ์ได้ ?



Q : หลังจากแท้งต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะมีเพศสัมพันธ์ได้ ?

A: หลังขูดมดลูก 2 สัปดาห์ ถ้าไม่มีอาการผิดปกติใดๆ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้คับ แต่ต้องคุมกำเนิดอย่างน้อย 2 เดือน ป้องกันปัญหาตั้งครรภ์เกิดขึ้นในขณะที่มดลูกยังไม่สมบูรณ์ และอาจเกิดการแท้งซ้ำได้ เพราะหลังแท้งบุตร จะสามารถเกิดการตกไข่ได้เร็วที่สุดภายใน 2 สัปดาห์ ดังนั้นสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้แต่ควรดูแลความสะอาดเป็นพิเศษครับ

Thursday, March 27, 2014

Q&A กับ Dr.เช้าตรู่ : ประจำเดือนไม่มาระหว่างให้ช่วงนมลูก



Q : คลอดลูกมาเป็นปีแล้วประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะ ดิชั้นให้นมลูกนะคะ ประจำเดือนเลยมาช้าหรือเปล่าคะและประจำเดือนยังไม่มาแล้วจะมีโอกาสตั้งครรภ์ลูกอีกคนมั้ยคะ

Wednesday, March 26, 2014

Q&A กับ Dr.เช้าตรู่ : ใช้ยาคุมเพื่อรักษาสิว ถ้าใช้ติดต่อกันนานมีผลอะไรบ้าง



Q : ทานยาคุมเพื่อหวังผลในเรื่องของสิว ถ้าทานนานๆหลายปีหรือทานตลอดไปมีอันตรายอะไรมั้ยคะ เพราะเวลาหยุดทานประมาณสองสามเดือน สิวก็กลับมาหาหมอรักษาหน้าก็ไม่หายขาด

A : แสดงว่าสาเหตุของปัญหาสิวน่าจะเกิดจากฮอร์โมนเพศในร่างกายผิดปกติครับคืออาจมีภาวะฮอร์โมนเพศชาย (Androgen) สูงเกินไปดังนั้น การรับประทานยาคุมกำเนิดถ้าเลือกชนิดที่มีผลลดการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศชายร่วมด้วย ก็มีส่วนช่วยทำให้ปัญหาสิวดีขึ้นได้ครับ


ส่วนระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการรับประทานยาคุมกำเนิด ส่วนใหญ่แล้วขึ้นกับวัตถุประสงค์ของการใช้ยาคับ กรณีที่ใช้เพื่อคุมกำเนิด สามารถใช้ต่อเนื่องกันได้นาน 5-10 ปี โดยต้องหมั่นไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเป็นระยะด้วยนะคับ


กรณีใช้เพื่อความสวยงาม ต้องขอบอกว่าปกติแล้วช่วงวัยที่พบว่ามีความแปรปรวนของฮอร์โมนได้บ่อยคือช่วงวัยรุ่น-30 ปี ดังนั้นถ้าจะใช้ยาคุมเพื่อความสวยงามในวัยที่มากกว่านี้ ประโยชน์อาจไม่ได้มีมากนัก ถ้าเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่อ้วน ไม่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง โอกาสเกิดผลข้างเคียงระยะยาวเช่น หลอดเลือดอุดตัน มะเร็งเต้านม ก็มีน้อยคับ ถ้าอายุ เกิน 35-40 ปีก็ไม่ค่อยแนะนำให้ใช้ยาคุมครับ แนะนำว่าถ้าจะใช้ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์จะดีที่สุด





นพ.ปัญญา ศักดิ์สง่าวงษ์
สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช

Tuesday, March 25, 2014

Q&A กับ Dr.เช้าตรู่ : กินยาคุมนานๆเมื่อหยุดกินมีผลต่อการตั้งท้องหรือไม่



Q : กินยาคุมมาปีกว่าๆแล้ว เพราะไม่อยากท้องก่อนแต่ง อยากทราบว่าถ้ากินไปนานๆ  อีกหน่อยจะมีผลต่อการตั้งท้องมั๊ยคะ เพราะอีกหน่อยก็ตั้งใจจะมีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมค่ะ เด็กจะอันตรายหรือเปล่า ห้ามกินนานเกินเท่าไหร่คะ

Saturday, March 22, 2014

จดหมายถึงคุณกะรัต : คาดคะเนวันไข่ตก ฉบับหมอเช้าตรู่




ถึง คุณกะรัต เทพทัต

เห็นความตั้งใจของคุณกะรัตที่อยากจะมีลูกแล้ว จิตวิญญาณความเป็นหมอรักษามีบุตรยากก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที อดไม่ได้ที่จะต้องขอเป็นตัวช่วยคุณกะรัตในเรื่องที่ตัวเองถนัดอยู่แล้วซะหน่อย อีกอย่างเผื่อเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านท่านใดที่กำลังพยายามจะมีลูกด้วยวิธีง่ายๆด้วยวิธีการนับวันตกไข่เช่นนี้อยู่จะได้นับวันกันได้ถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จมีเจ้าตัวน้อยกันไวๆนะคับ

ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจกับผู้อ่านทุกท่านก่อนว่า รังไข่ของคุณผู้หญิงนั้นจะมีการตกไข่ รอบเดือนละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1-2 ใบ ซึ่งไข่ที่ตกออมานั้นจะมีเวลารอให้ตัวอสุจิเข้าผสมได้ไม่เกิน 24-36 ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนที่จะเสื่อมสลายไป ดังนั้นหากมีเพศสัมพันธ์กันไม่ตรงช่วงที่ไข่ตก ก็ส่งผลให้โอกาสที่ไข่และตัวอสุจิจะผสมกันในรอบเดือนนั้นกลายเป็นศูนย์ไปเลยก็ว่าได้ และต้องรอโอกาสในเดือนถัดไป จะเห็นได้ว่าการนับวันวันตกไข่จึงมีส่วนช่วยให้คู่สามี-ภรรยา มีโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้มากเลยทีเดียวคับ  แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าไข่ของคุณผู้หญิงจะตกเมื่อไหร่ ???

สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือ คำนวณหาค่าเฉลี่ยระยะห่างของรอบประจำเดือนแต่ละรอบย้อนหลังอย่างน้อย 3-6 เดือน คับ ยิ่งย้อนหลังได้หลายเดือนยิ่งดี จะทำให้ค่าที่เราได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งการคำนวณหาระยะห่างของรอบประจำเดือนแต่ละรอบนั้น ทำได้โดยเริ่มนับวันแรกที่มีเลือดสีแดงช้ำๆ (สีดำ สีน้ำตาลคล้ำๆยังไม่นับนะคับ) ออกจากช่องคลอดนับเป็นวันที่1  ของประจำเดือน และนับต่อไปจนถึงวันแรกของประจำเดือนรอบถัดไป ตัวอย่างเช่น ประจำเดือนมาวันแรกวันที่ 14 มกราคม และมาอีกครั้งวันที่ 12 กุมภาพันธ์ แสดงว่าระยะห่างของรอบประจำเดือนเท่ากับ 30 วัน ( เอ๊ะ!! ตัวอย่างคุ้นๆแฮะ ก็อยู่ในบทความเรื่อง พร้อมลุยสงกรานต์ ด้วยเคล็ด(ไม่)ลับตัวช่วยเลื่อนประจำเดือนยังไงล่ะคับ)   จากนั้นนำเอาระยะห่างของรอบประจำเดือนแต่ละรอบที่คำนวณได้ ลบออกด้วย 14 (ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยคงตัวของระยะเวลาตั้งแต่วันไข่ตกจนถึงวันแรกของการมีประจำเดือนรอบถัดไป) และแล้วเราก็จะพอคาดคะเนได้คร่าวๆแล้วคับ ว่าไข่น่าจะตกวันไหนของรอบประจำเดือน ยิ่งสาวๆคนไหนที่มีประจำเดือนสม่ำเสมอด้วยแล้ว ค่าที่คำนวณได้จะยิ่งแม่นยำมากขึ้นคับ ตัวอย่างเช่น คุณกะรัตมีค่าเฉลี่ยระยะห่างของรอบประจำเดือนแต่ละรอบ เท่ากับ 32 วัน ดังนั้น ช่วงวันที่คุณกะรัตน่าจะตกไข่ คือ วันที่ 32 ลบ 14 เท่ากับ 18 ของรอบประจำเดือนคับ แต่โดยปกติส่วนตัวแล้วจะแนะนำให้มีเพศสัมพันธ์ช่วงก่อนและหลังวันที่คำนวณได้อีก 2 วัน ดังนั้น คุณกะรัตควรจะมีเพศสัมพันธ์ช่วงวันที่ 16-20 ของรอบประจำเดือน โอกาสสำเร็จก็จะเพิ่มมากขึ้นคับ

นอกจากที่เราจะอาศัยการคำนวณหาวันตกไข่มาเป็นตัวช่วยแล้ว ยังสามารถใช้วิธีอื่นๆที่ง่ายและไม่ยุ่งยากมาช่วยเพิ่มความแม่นยำได้อีกด้วยนั่นก็คือ

1. สังเกตุมูกที่ปากช่องคลอด ปกติแล้วช่วงวันที่ไข่น่าจะตก ตกขาวของคุณผู้หญิงจะมีลักษณะเป็นมูกใสๆ เหนียวๆ คล้ายไข่ขาว ยิ่งถ้าช่วงเวลาที่เราคำนวณได้จากขั้นตอนแรกนั้น คุณผู้หญิงมีมูกใสๆออกมาด้วยแล้ว ยิ่งสร้างความมั่นใจได้ว่าน่าจะมีโอกาส ฟิเชอริ่ง กันได้ตรงกับวันที่ไข่ตกมากคับ

2. ใช้ชุดตรวจการตกไข่จากปัสสาวะ ซึ่งลักษณะหน้าตาคล้ายๆชุดตรวจการตั้งครรภ์ โดยแนะนำว่าให้ตรวจจากปัสสาวะช่วงเช้าหลังตื่นนอน 2 -3 วันก่อนวันที่คำนวณได้ว่าไข่น่าจะตก เช่น คำนวณได้ว่าไข่น่าจะตกวันที่ 18ของรอบประจำเดือน ให้เริ่มตรวจตั้งแต่เช้าวันที่ 16 เรื่อยไปจนกว่าชุดตรวจจะขึ้น 2 ขีดชัดๆ หลังจากนั้นอีก 24-36 ชั่วโมง ให้มีเพศสัมพันธ์กัน จะเป็นช่วงที่ใกล้เคียงเวลาไข่ตกมากขึ้นคับ






 วันที่ 16  ขึ้น 1 ขีด  อดทนไว้ ใจเย็นๆ


 วันที่ 17 ขึ้น 2 ขีดจางๆ อั้นไว้ก่อน ใจเย็นๆ






 วันที่ 18 ขึ้น 2 ขีดเข้ม  อีก 24-36 ชั่วโมง จัดหนัก จัดเต็มได้เลยคับ


( ขอขอบคุณภาพสวยๆจากคนไข้จริงคับ )


จะเห็นได้ว่าวิธีการง่ายๆข้างต้นสามารถเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์แก่คู่สามี-ภรรยา ที่กำลังพยายามจะมีเจ้าตัวน้อยอยู่แต่ยังไม่ต้องการพึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ ขอลองใช้วิธีธรรมชาติง่ายๆดูก่อน ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนอะไรมากนัก เพียงแค่อาศัยการจดบันทึกประจำเดือนและประยุกต์หลักการธรรมชาติมาเป็นตัวช่วยคาดคะเนวันที่ไข่น่าจะตก เพื่อจะได้เพิ่มโอกาสให้ไข่และตัวอสุจิได้มาเจอกันมากขึ้นและเกิดการปฏิสนธิเป็นเจ้าตัวน้อยได้เร็วทันใจ โดยไม่ต้องพลาดโอกาสที่มีเพียงรอบเดือนละครั้งไปอย่างน่าเสียดายหลายๆเดือน หวังว่าคุณผู้อ่านจะมีลูกสมใจกันทุกคนนะคับ แล้วอย่าลืมส่งข่าวดีมาบอกกันด้วยนะคับ




นพ.ปัญญา ศักดิ์สง่าวงษ์
สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช

Tuesday, March 18, 2014

พร้อมลุยสงกรานต์ ด้วยเคล็ด(ไม่)ลับตัวช่วยเลื่อนประจำเดือน


ใกล้ถึงเทศกาลรื่นเริงสำคัญๆประจำปีอย่างเทศกาลสงกรานต์เข้ามาแระ อีกอย่างก็ยังเป็นช่วงซัมเมอร์อีกด้วย อากาศปีนี้ก็ช่างร้อนได้ใจเสียเหลือเกิน เชื่อว่าคุณสาวๆหลายๆท่านคงต้องวางแผนจะไปเที่ยวเล่นน้ำชายทะเลใส่บิกินี่เก๋ๆ หรือเล่นน้ำสงกรานต์ให้ชุ่มฉ่ำสบายอุราเป็นแน่  แต่ก็น่าเห็นใจสาวๆบางท่านที่อาจจะต้องหมดสนุกเพราะบังเอิญเกิดมีประจำเดือนในช่วงนั้นขึ้นมาพอดี ทั้งปวดท้องประจำเดือน เลือดออกทำให้เล่นน้ำไม่ได้ ทำเอาหมดสนุกกันไปเลยก็ว่าได้ จึงมักจะมีคำถามจากคนไข้และคนใกล้ตัวอยู่บ่อยๆว่าถ้าอยากจะเลื่อนประจำเดือนออกไปก่อนต้องทำยังไงดี วันนี้เลยถือโอกาสตอบข้อสงสัยฮอทฮิตกันซะเลยแล้วกัน เผื่อจะได้นำไปปรับใช้ เพื่อที่จะได้ไม่พลาดโอกาสสนุกๆในเทศกาลสำคัญๆกันนะครับ

Monday, March 17, 2014

Q&A กับ Dr.เช้าตรู่ : อาการประจำเดือนมาไม่หยุด

Q&A กับ Dr.เช้าตรู่



Q : คุณหมอค่ะคุณแม่หนูเมื่อก่อนหน้านี้มีอาการประจำเดือนมาไม่หยุด (ปกติมามากอยู่แล้ว) แต่มามากเป็นสิบวัน ท่านเลยตัดสินใจไปหาหมอค่ะ หมอบอกว่ามดลูกบวมเลยให้ยาฉีดให้ครบหกเดือน ตอนนี้แม่หนูฉีดมาแล้วสองเข็ม หลังจากฉีดครบเห็นแม่บอกว่าคุณหมอจะดูอาการ หนูอยากทราบว่าอาการอย่างนี้เสี่ยงต่อโรคภายในผู้หญิงไปมั้ยค่ะ

A : โดยปกติแล้วคุณผู้หญิงที่ประจำเดือนมามากหรือมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดโดยเฉพาะอายุมากกว่า 45 ปี แนะนำว่าอาจต้องได้รับการเก็บชิ้นเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกออกมาตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกซ่อนเร้นอยู่ แต่ในบางรายที่เพิ่งมีอาการครั้งแรก แพทย์อาจจะตรวจภายในร่วมกับทำอัลตร้าซาวน์ช่องท้องส่วนล่างดูก่อนว่ามีโรคอะไรที่อาจเป็นสาเหตุอยู่มั้ย ซึ่งโรคที่เจอได้บ่อยๆ คือ เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกคับ

Q&A กับ Dr.เช้าตรู่ : ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ



Q&A กับ Dr.เช้าตรู่ : ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ

Q : ตั้งแต่เริ่มเป็นประจำเดือน ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอเลยคะ เคยอัลตราซาวน์รังไข่แล้วปกติคะ เลยใช้ยาคุมมา 6 เดือน ช่วงที่ใช้ยาคุม ประจำเดือนก็มาปกตินะคะ แต่พอหยุดก็จะมาปกติแค่ 2 เดือน หลังจากนนั้นก้อหายไปอีกซัก 3-4 เดือน เดือนที่ 5 ประจำเดือนมาก้อมาประมาณ 3-4 วัน ใช้ผ้าอนามัยวันละ 3 ผืน ลองใช้ยาคุมแบบนี้มาหลายรอบแล้ว ควรจะใช้ตลอดไปเลยมั้ยคะ

A : ก่อนอื่นต้องขอสันนิษฐานเบื้องต้นว่า อาจมีปัญหาการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่เป็นรอบ มาไม่แน่นอนคับ

ภาวะตกไข่ไม่สม่ำเสมอหรือไม่ตกไข่เรื้อรัง ส่งผลทำให้ระดับฮอร์โมนเพศในร่างกายระหว่างฮอร์โมนเพศชาย (androgen) และฮอร์โมนเพศหญิง (estrogen) ไม่สมดุลกัน ซึ่งโรคที่พบบ่อยคือ โรค PCOS (polycystic ovarian syndrome) เป็นโรคที่รังไข่ไม่สามารถเกิดการตกไข่ได้สม่ำเสมอ เมื่อตรวจวินิจฉัยโดยอัลตร้าซาวน์รังไข่จะพบรังไข่ที่มีลักษณะมีฟองไข่ใบเล็กๆสะสมอยู่หลายใบ ผู้หญิงกลุ่มนี้จึงมักผลข้างเคียงจากภาวะฮอร์โมนเพศชายเด่น เช่น สิว หน้ามัน ขนเยอะ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ไม่ค่อยเป็นประจำเดือน

Saturday, March 15, 2014

Q&A กับ Dr.เช้าตรู่ : กวาวเครือขาว



เมื่อวานมีคนถามเรื่องเกี่ยวกับ #กวาวเครือขาว ใน #Pantip หลังจากตอบไปแล้วเลยอยากมาแบ่งปันให้ได้ทราบข้อมูลกัน


คำถาม : คุณหมอคะ รบกวนขอความรู้เกี่ยวกับกวาวเครือขาว ด้วยได้ไม๊คะ ทานต่อเนื่องนานๆ แล้วจะส่งผลต่อร่างกายยังไงบ้าง เพราะเคยอ่านงานวิจัยว่า ไม่ส่งผลต่อมะเร็ง รบกวนขอความรู้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ


ตอบ : กวาวเครือ เป็นสมุนไพรที่มีสารคล้ายฮอร์โมนเพศหญิง โดยปกติแล้วฮอร์โมนจากพืชจะมีฤทธิ์อ่อนมากเมื่อเทียบกับยาฮอร์โมนที่เราใช้กันทั่วไป เช่น ฮอร์โมนในยาคุมกำเนิด หรือฮอร์โมนทดแทนในสตรีวัยทอง แต่แม้ว่าจะเป็นฮอร์โมนจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์อ่อนๆ ฟังดูเหมือนว่าน่าจะปลอดภัย แต่ด้วยวิธีการผลิตและสกัดเป็นยาสมุนไพร มีข้อจำกัดคือปริมาณฮอร์โมนที่สกัดจากกวาวเครือที่มีในยาสตรีมันมีค่าไม่แน่นอนเหมือนยาแผนปัจจุบันที่ระบุหน่วยวัดชัดเจน เช่น มิลลิกรัมดังนั้นการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนก็อาจจะไม่คงที่หรือไม่เท่ากันในแต่ละขวด อาจมากบ้างน้อยบ้างไม่คงที่ อีกอย่างได้ชื่อว่าฮอร์โมนถ้าจะใช้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพราะแม้ว่าจะออกฤทธิ์ไม่รุนแรง แต่หากใช้ติดต่อกันเปนระยะเวลานานๆ อาจเกิดการสะสม และกระตุ้นให้บางโรคอย่างเช่น เนื้องอกมดลูกหรือมะเร็งเต้านม ทำให้โรคกำเริบขึ้นได้ ส่วนที่บอกว่าใช้แล้วปลอดภัย ไม่เป็นมะเร็ง ต้องขอตอบว่าไม่ถูกต้องเสมอไปคับ เพราะการเกิดมะเร็งนั้นมีหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธ์ อายุ สิ่งแวดล้อม ดังนั้นแม้ว่าจะใช้กวาวเครือหรือไม่ ก็อาจเป็นมะเร็งได้อยู่ดี อีกทั้งหากเปนมะเร็งระยะแรกๆที่ยังไม่แสดงอาการ การใช้ยาสมุนไพรแม้ว่าฤทธิ์จะอ่อนแต่ก็สามารถกระตุ้นให้มะเร็งลุกลามได้คับ ดังนั้นยาทุกชนิดมีข้อดีและข้อเสีย ถ้าจะใช้ต้องหมั่นติดตามอาการและเฝ้าระวังผลข้างเคียงอยู่เสมอครับ



หวังว่าจะมีประโยชน์กับหลายๆคนนะครับ ^^

Monday, March 10, 2014

สายน้ำผึ้งโมเดล ไขปริศนา ยาสตรี ทำให้แท้งได้จริงหรือ ???


ช่วงนี้กระแสละคร " สามีตีตรา " กำลังมาแรง โดยเฉพาะบทบาทของ " สายน้ำผึ้ง "  สาวสวยใสแต่ร้ายลึก ซึ่งรับบทโดยคุณจุ๋ย วรัทยา ซึ่งพลิกบทบาทมาเล่นบทร้ายครั้งแรกกับทางช่อง 3 จำได้ว่าตอนที่นั่งดูละครเพลินๆ อยู่นั้น ผมสังเกตว่ามีอยู่ฉากหนึ่งที่ " สายน้ำผึ้ง "  เธอพยายามที่จะทำให้ลูกในท้องของเธอแท้งออกมาด้วยการกินยาขับประจำเดือน หรือยาสตรีที่เราๆเข้าใจกัน  จนเป็นเหตุให้คนใกล้ตัวของผมเกิดข้อสงสัยและถามผมว่า 

" ยาสตรีที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาดสามารถทำให้ผู้หญิงแท้งได้จริงหรือ ??? "

Monday, March 3, 2014

ประจำเดือนแบบไหนที่บ่งบอกภาวะมีบุตรยาก

ประจำเดือนถือเป็นตัวชี้วัดสุขภาพของคุณผู้หญิงได้อย่างหนึ่ง แต่ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าการที่ผู้หญิงจะมีประจำเดือนตามปกติได้นั้นต้องอาศัยการทำงานประสานกันระหว่างต่อมใต้สมองส่วนหน้ากับอวัยวะสืบพันธุ์ โดยที่ต่อมใต้สมองจะทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่ชื่อว่า FSH ให้สูงขึ้นเพื่อมากระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่และผลิตฮอร์โมนเพศหญิงที่ชื่อว่าเอสโตรเจน ซึ่งฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สูงขึ้นจากรังไข่นี้เองจะเป็นตัวกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีการเจริญเติบโตและหนาตัวขึ้นเพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อนในกรณีที่มีการปฏิสนธิระหว่างไข่กับตัวอสุจิ เมื่อไข่มีการเจริญเติบโตเต็มที่ซึ่งอยู่ในช่วงวันที่ 14-16 ของรอบประจำเดือน(กรณีที่รอบประจำเดือนมีระยะห่าง 28-30 วัน) ไข่ก็จะตกออกมาจากฟองไข่ไปอยู่ที่ปลายท่อนำไข่เพื่อรอที่จะปฏิสนธิกับตัวอสุจิที่ว่ายผ่านโพรงมดลูกและท่อนำไข่มาได้ โดยภายหลังจากที่ไข่ตกออกมาจากฟองไข่ไปแล้ว ฟองไข่ใบนั้นจะสร้างฮอร์โมนที่ชื่อว่าโปรเจสเตอโรน ซึ่งฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะมีหน้าที่ประคับประคองให้การตั้งครรภ์ดำเนินต่อไปได้กรณีที่มีการตั้งครรภ์ แต่ถ้าไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ฟองไข่ใบนั้นก็จะเสื่อมการทำงานลงภายใน 14 วัน ทำให้ระดับโฮรโมนทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนลดต่ำลง ส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกหยุดการเจริญเติบโตและหลุดลอกออกมาเป็นเลือดประจำเดือน ดังนั้นเลือดประจำเดือนจึงถือเป็นตัวบ่งบอกว่าการเจริญเติบโตของฟองไข่และเยื่อบุโพรงมดลูกของรอบที่ผ่านมานั้นได้สิ้นสุดลงแล้วและการเจริญเติบโตของฟองไข่และเยื่อบุโพรงมดลูกของรอบเดือนใหม่ต่อไปกำลังจะเกิดขึ้น

Sunday, March 2, 2014

ฝึกขมิบวันละนิด บอกลาปัญหามดลูกหย่อน-ไอจามปัสสาวะเล็ด

ฝึกขมิบวันละนิด บอกลาปัญหามดลูกหย่อน-ไอจามปัสสาวะเล็ด
Capture
            ช่วงนี้จะเดินทางไปไหนมาไหน รถติดซะเหลือเกิน ด้วยสถานะการณ์บ้านเมืองที่กำลังวุ่นวายอญุ่ ณ ขณะนี้ บางวันใช้เวลาอยู่ในรถนานเป็นชั่วโมงๆ บ่อยครั้งที่ต้องติดแง่กอยู่บนทางด่วน แล้วดันเกิดปวดฉี่ขึ้นมาระหว่างทางแต่หาห้องน้ำไม่ได้นี่หน่ะสิ จำต้องทนกลั้นฉี่จนแทบจะราดกันอยู่บ่อยๆ แต่พอนึกย้อนดูอีกทีตัวเราก็นับว่าโชคดีกว่าใครหลายๆคนที่ยังกลั้นฉี่อยู่ได้ เพราะบางคนแค่รู้สึกว่าปวดฉี่ก็ไปห้องน้ำแทบจะไม่ทันซะแล้ว ซ้ำร้ายบางรายแค่ไอ-จามปัสสาวะก็เล็ดราดออกมา ว่าแล้วก็ขอแนะนำคุณผู้อ่านซะเลยถึงการดูแลตัวเองง่ายๆแต่ได้ผลดีไม่น้อย ด้วยการฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานด้วยการ “ขมิบ” เพื่อป้องกันปัญหาไอ-จามปัสสาวะเล็ด อีกทั้งลดโอกาสเกิดมดลูกหย่อนได้อีกด้วย เผื่อว่ามีคุณผู้อ่านที่กำลังประสบกับปัญหานี้อยู่จะได้มีวิธีง่ายๆไว้แก้ไขเบื้องต้นได้บ้างครับ