Wednesday, February 26, 2014

Array CGH ลดโอกาสการแท้งซ้ำ ตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรมของตัวอ่อน


blog-1353
สภาพสังคมไทยในปัจจุบันนี้ ผู้หญิงเริ่มที่จะแต่งงานและสร้างครอบครัวเมื่อมีอายุมากขึ้นกว่าในอดีต เหตุก็เพราะต้องการทำงานหารายได้เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตก่อนเป็นอันดับแรก ครั้นเมื่อพร้อมจะมีครอบครัว อายุก็เริ่มเข้าสู่เลข 3 ไปแล้ว ดังนั้นโอกาสที่จะมีลูกได้เองตามธรรมชาติก็ดูเหมือนจะยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะรังไข่เริ่มเสื่อมการทำงานลง แม้ในกรณีที่ตั้งครรภ์ได้ก็ยังต้องประสบกับปัญหาการแท้งบุตร หรือมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ทารกที่ผิดปกติสูงขึ้น ซึ่งนับเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากขึ้นในผู้หญิงยุคปัจจุบัน ดังนั้นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์จึงมีบทบาทมากขึ้นเพื่อช่วยแก้ไขปัญหามีบุตรยากและการแท้งซ้ำเหล่านี้ แต่ก็ยังพบว่ามีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่แม้ว่าจะผ่านการทำเด็กหลอดแก้วแล้วแต่ก็ยังไม่สำเร็จ หรือประสบกับปัญหาแท้งบุตรซ้ำซาก สาเหตุหนึ่งที่พบได้บ่อยนั่นก็คือ ตัวอ่อนมีความผิดปกติด้านโครโมโซม ซึ่งความผิดปกติทางโครโมโซมนี้เองสามารถพบได้ตามธรรมชาติมากถึง 40% และจะพบได้มากขึ้นตามอายุของผู้หญิง 

จากข้อมูลทางการแพทย์พบว่าการตั้งครรภ์ธรรมชาติในผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 35 ปี พบการแท้งได้ประมาณ 10% ของการตั้งครรภ์ และ อายุ 35-39 ปี พบได้ 30% และอายุเกินกว่า 40 ปีพบได้ถึง 40% เหตุเพราะรังไข่ของผู้หญิงที่อายุมากจะผลิตไข่ที่ด้อยคุณภาพ เมื่อไข่เหล่านี้ได้รับการปฏิสนธิก็มีโอกาสที่จะพัฒนาเป็นตัวอ่อนที่มีความผิดปกติทางโครโมโซมนั่นเอง ส่งผลให้ตัวอ่อนเหล่านี้ไม่สามารถฝังตัวทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ หรือแม้กระทั่งฝังตัวได้ก็มีโอกาสที่จะแท้งหรือพัฒนาเป็นทารกแรกเกิดที่มีความพิการได้สูงขึ้น 


ดังนั้นหากสามารถตรวจหาความผิดปกติของตัวอ่อนก่อนที่จะย้ายกลับเข้าไปในมดลูกว่าตัวอ่อนตัวใดปกติก็จะช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ให้สูงขึ้นและลดความเสี่ยงต่อการแท้งบุตรลงได้เพราะทำการย้ายตัวอ่อนที่ปกตินั่นเอง ซึ่งการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติทางพัธุกรรมของตัวอ่อนจึงมีประโยชน์มากในกลุ่มจำเพาะที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความผิดปกติของทารกเช่น

  • ฝ่ายหญิงอายุมากกว่า 35 ปี
  • คู่สมรสที่ทราบว่ามีความผิดทางพันธุกรรมอยู่ก่อนแล้ว
  • มีประวัติคลอดทารกที่ผิดปกติมาก่อน
  • มีประวัติการแท้งมากกว่า 2 ครั้งเป็นต้นไป
  • มีประวัติการทำเด็กหลอดแก้วหลายครั้งแต่ยังไม่ตั้งครรภ์
  • ปัญหาการมีบุตรยากเกิดจากปัญหาฝ่ายชายมีคุณภาพน้ำเชื้ออ่อนมาก
การตรวจวินิจฉัยควาผิดปกติทางพัธุกรรมของตัวอ่อนด้วยวิธีซีจีเอช (array CGH) เป็นวิธีการตรวจหาความผิดปกติของตัวอ่อนที่ใหม่ล่าสุดที่ให้ผลการตรวจที่แม่นยำมากกว่าการตรวจด้วยวิธีดั้งเดิมที่ตรวจด้วยเทคนิคที่เรียกว่า FISH (Fluorescent in situ hybridization) ซึ่งใช้เทคนิคการย้อมแท่งโครโมโซมให้ติดสีฟลูโอเลสเซนต์ แล้วนับจำนวนของโครโมโซมภายใต้กล้องฟลูออเลสเซนต์ โดยปกติแล้วมนุษย์เรามีจำนวนโครโมโซมทั้งหมด 23 คู่ หรือ 46 แท่ง ถ้าจำนวนโครโมโซมขาดหรือเกินกว่านี้ก็จะก่อให้เกิดความพิการทางด้านสมองและร่างกาย หรือรุนแรงถึงขึ้นไม่สามารถมีชีวิตรอดได้และแท้งออกมา การตรวจด้วยวิธี FISH นั้น ปัจจุบันสามารถตรวจโครโมโซมได้มากที่สุดไม่เกิน 10 คู่ ซึ่งจะเลือกตรวจบางโครโมโซมที่มักพบความผิดปกติในทารกหรือก่อให้เกิดการแท้งซ้ำซากได้บ่อย ซึ่งถือเป็นข้อด้อยของเทคนิค FISH อีกทั้งผลการตรวจไม่แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ อาจทำให้ต้องสูญเสียตัวอ่อนที่ปกติไป เนื่องจากการอ่านผลผิดไปว่าตัวอ่อนนั้นผิดปกติ แต่ด้วยเทคนิคการตรวจวิธีใหม่ล่าสุดด้วยวิธี array CGH ในปัจจุบัน ทำให้ผลการตรวจมีความแม่นยำเพิ่มขึ้น และสามารถตรวจได้ครบทุกโครโมโซม
          
ตัวอย่าง ผลการตรวจการตรวจวินิจฉัยควาผิดปกติทางพัธุกรรมของตัวอ่อนด้วย FISH (Fluorescent in situ hybridization)


ตัวอ่อนเพศชาย (XY) มีจำนวนโครโมโซมคู่ที่ 13,15,16,18,21,22 ครบ 2 ข้าง



ด้วยเทคนิค CGH array นั้น ภายหลังที่เราได้ตัวอย่างเซลล์ตัวอ่อนมาแล้ว เซลล์ดังกล่าวจะถูกนำไปเพิ่มรหัสทางพันธุกรรม(DNA)ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และนำไปรวมกับ DNA ที่เราทราบแน่นอนว่าปกติ หลังจากนั้นจึงนำ DNA ทั้งสองส่วนไปจับกับ probe ซึ่งเป็นพันธุกรรมของมนุษย์ปกติจำนวนมหาศาลที่นำมาติดกับแผ่นกระจก ปล่อยให้ DNA ของตัวอ่อนที่เราเพิ่มจำนวนให้มากขึ้น(สีแดง ระบุว่า Patient DNA) และ DNA อีกกลุ่มที่ปกติ(สีเขียว ระบุว่า Control DNA)  แข่งขันกันจับกับ probe ปกติที่ติดบนแผ่นกระจก จากนั้นจึงนำแผ่นกระจกไปอ่านผลโดยใช้ scanner เพื่อนับจำนวนการจับของ DNA ทั้งสองส่วนโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประมวลผล โดยปกติการจับของ DNA ทั้งสองส่วนกับ probe จะมีสัดส่วนเท่าๆกัน แต่ในกรณีที่ Patient DNA จับได้มากกว่า Control DNA แสดงว่ามีรหัสพันธุกรรมเกิน แต่ถ้าจับได้น้อยกว่าแสดงว่ามีรหัสพันธุกรรมที่ขาดหายไป ด้วยวิธีนี้ทำให้ได้ผลการตรวจมีความแม่นยำเพิ่มขึ้นกว่าวิธีดั้งเดิม


ในอดีตการคัดเลือกตัวอ่อนเพื่อย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูกในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วนั้น เราใช้วิธีประเมินการเจริญเติบโตและนับจำนวน ขนาด และรูปร่างเซลล์ เป็นหลัก แต่การศึกษาที่เพิ่มมากขึ้นพบว่าตัวอ่อนมนุษย์ที่เจริญเติบโตดีและมีรูปร่างและจำนวนเซลล์คุณภาพดีนั้นกลับมีความผิดปกติทางด้านโครโมโซมแอบแฝงอยู่ถึง 60% 


โดยเฉพาะตัวอ่อนที่มาจากผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปี โดยจะพบความผิดปกติมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นโดยอาจถึง 80 % ในกรณีอายุมากกว่า 42 ปี ดังนั้นการเลือกตัวอ่อนที่จะย้ายกลับโดยอาศัยการประเมินดูจากคุณภาพจากภายนอกเพียงอย่างเดียวในปัจจุบันคงไม่เพียงพอ แต่ด้วยเทคนิคการตรวจวิธีใหม่ล่าสุดด้วยวิธี array CGH ในปัจจุบัน ทำให้ผลการตรวจมีความแม่นยำเพิ่มขึ้น และสามารถตรวจได้ครบทุกโครโมโซม ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสในการตั้งครรภ์ที่สูงขึ้นและลดความเสี่ยงของการแท้งบุตรลงได้นั่นเอง

ตัวอย่าง ผลการตรวจการตรวจวินิจฉัยควาผิดปกติทางพัธุกรรมของตัวอ่อนด้วยวิธีซีจีเอช (array CGH)


          ภาพแรกเป็นภาพที่แสดงถึงโครโมโซมของตัวอ่อน ตั้งแต่คู่ที่หนึ่งถึงคู่สุดท้ายคือโครโมโซมเพศ ในกรณีที่ตัวอ่อนน้ันมีความผิดปกติของโครโมโซมในแง่ของการได้เกินมา กราฟที่ได้จะสูงกว่าเส้นสีเขียว ณโครโมโซมตำแหน่งน้ันๆ ส่วนกรณีที่โครโมโซมขาด กราฟจะตกต่ำกว่าเส้นแดง ดังน้ันตัวอ่อนไหนมีโครโมโซมทุกคู่สมดุลย์ เส้นกราฟจะไม่เลยเส้นแดงลงมาหรือเกินสีเขียวขึ้นไป ตัวอ่อนตัวนี้เป็นเพศหญิง


ภาพที่สองเป็นภาพที่แสดงถึงโครโมโซมของตัวอ่อนสมดุลย์ ไม่ขาดไม่เกิน และเป็นเพศชาย

ภาพที่สามเป็นภาพที่แสดงถึงความผิดปกติของโครโมโซมในแง่ของจำนวนทั้งขาดและเกิน โดยมีการขาดโครโมโซมคู่ที่ 1, 2, 7, 13, 18 และมีโครโมโซมเกินในคู่ที่ 14, 17 




นพ.ปัญญา ศักดิ์สง่าวงษ์
สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช

No comments:

Post a Comment