Monday, April 7, 2014

Q&A กับ Dr.เช้าตรู่: หลังฉีดยาคุมประจำเดือนไม่มา บางเดือนมากะปริบกะปรอย



Q : เมื่อก่อนเคยฉีดยาคุมคะ ประมาณสองสามครั้งได้ แต่ในช่วงระหว่างที่ฉีดไม่เคยมีประจำเดือนมาเลยแม้แต่นิดแล้วก็หยุดฉีดไปหลายปี เพิ่งจะมาฉีดใหม่เมื่อเดือนก่อน เดือนแรกหลังฉีดไม่ประจำเดือนมา แต่เดือนนี้ตอนนี้มีประจำเดือนมา มาแบบกะปริดกะปรอยหนึ่งวันประมาณหนึ่งแผ่นรองอนามัยได้ แต่มันน่ารำคาญมาก ร่างกายเราผิดปกติอะไรไหมคะแบบนี้ แล้วมีวิธีไหนบ้างไหมคะทีจะทำให้มันหยุดไหล ภายในอาทิตย์นี้ถึงอาทิตย์หน้า เพราะต้องไปต่างประเทศ เลยไม่สะดวก ขอคำแนะนำด้วยคะ

A : ยาฉีดคุมกำเนิดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันของประเทศไทย หรือ DMPA  เป็นยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว คือ มีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนตัวเดียว 1 เข็ม สามารถคุมกำเนิดได้ประมาณ 3 เดือน และต้องฉีดใหม่ทุกๆ 3 เดือน

ยาฝังคุมกำเนิด หรือ Implanon  เป็นยาคุมกำเนิดที่มีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนตัวเดียวเช่นกันกับยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิดจะมีลักษณะเป็นหลอดเล็กๆขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาญ 2 มิลลิเมตร ยาว 3 เซนติเมตร จำนวน 1หลอด ฝังอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณท้องแขน โดยที่ ยาฝังคุมกำเนิด1 หลอด ออกฤทธิ์คุมกำเนิดได้นาน 3 ปี เพราะกลไกการออกฤทธิ์ของยาฝังจะค่อยๆปลดปล่อยตัวยาฮอร์โมนที่บรรจุอยู่ในหลอดยาออกมาทีละนิดๆทุกวัน

การที่มีเลือดออกกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอดหรือไม่มีประจำเดือนมาเลย ถือว่าเป็นผลข้างเคียงอย่างหนึ่งของยาฉีดและฝังคุมกำเนิดครับ ซึ่งสามารถพบเหตุการณ์เช่นนี้ได้ไม่ใช่ความผิดปกติที่ร้ายแรงแต่อย่างใด สาเหตุก็เพราะผนังโพรงมดลูกแห้งและบางลงมากจนเกินไปภายหลังจากการได้รับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนตัวเดียวเป็นเวลานานๆ ซึ่งถ้าอาการเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอดสีน้ำตาลบ้าง แดงบ้าง นานๆครั้งนั้นไม่ได้ทำให้รำคาญใจก็ไม่จำเป็นต้องรักษาอะไรครับ เพราะเมี่อหยุดใช้ยาฉีดหรือเอายาฝังคุมกำเนิดออก ประจำเดือนก็จะกลับมาเป็นปกติภายใน 3-6 เดือน หรือบางรายนานถึง 1 ปี ก็เป็นได้ครับ

แต่ในกรณีที่มีเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอดบ่อยๆต่อเนื่องกันเป็นเวลานานๆจนเกิดความรำคาญใจ แสดงว่าโพรงมดลูกอาจจะแห้งมากเกินไป เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือว่าผนังโพรงมดลูกตอนนี้คล้ายๆกับผิวหนังในฤดูหนาวที่แห้งมาก พอผิวที่แห้งแตกก็อาจมีเลือดออกซิบๆได้ ดังนั้นการแก้ไขง่าย ๆ ก็คือ ต้องสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังด้วยการทาโลชั่น แต่โลชั่นสำหรับผนังโพรงมดลูกก็คือฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือก็คือฮอร์โมนเพศหญิงนั่นเองคับ

ซึ่งฮอร์โมนเพศหญิงที่หาได้ง่ายๆ เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เช่น dian-35, yasmin , marvelon ซึ่ง 1แผง มี 21 เม็ด ทุกเม็ดมีปริมาณยาเท่ากันครับ รับประทานเม็ดไหนก่อน-หลังก็ได้คับ แต่หากรับประทานตามวันหรือลูกศรที่อยู่บนแผงยาก็จะช่วยทำให้ง่ายต่อการจดจำว่าลืมรับประทานยาหรือไม่ครับ แต่ถ้าเป็นชนิด 28 เม็ด เช่น mercilon แนะนำว่าให้ทิ้ง 7 เม็ดสุดท้ายที่มีสีหรือขนาดเม็ดยาที่ต่างจากเม็ดยา 21 เม็ดไป เพราะเป็นส่วนของเม็ดยาที่ไม่มีฮอร์โมนแต่เป็นเพียงวิตามิน หลังจากนั้นก็สามารถใช้ยาคุมที่เหลือ 21 เม็ดที่เหลือได้เหมือนกันแล้วครับ โดยรับประทานเม็ดไหนก่อน-หลังได้เช่นเดียวกันครับ วันละ 1 เม็ด ก่อนนอน เป็นระยะเวลาสั้นๆประมาณ 10-14 วัน หรือถ้าเลือดออกเยอะอาจรับประทานทานจนหมดแผง 21 เม็ดเลยก็ได้ครับ

เพียงเท่านี้อาการเลือดออกกะปริบกะปรอยก็จะหายไป และถ้ามีอาการเช่นนี้กลับมาอีกก็รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดเช่นเดิมแบบนี้เป็นระยะๆคับ ก็จะช่วยลดความรำคาญจากภาวะเลือดออกกะปริบกะปรอยจากการฉีดหรือฝังยาคุมกำเนิดไปได้วิธีหนึ่งครับ

No comments:

Post a Comment